สำหรับจักรยานเสือหมอบทั่วไป เฟืองหน้าหนึ่งตัวและเฟืองหลังหนึ่งเฟือง โซ่จะอยู่ได้เกือบตลอดไป แต่ยิ่งจักรยานมีเกียร์มากเท่าไร โซ่ก็ยิ่งต้องบางลงเท่านั้นเพื่อให้เข้ากับเฟืองได้อย่างแม่นยำ สำหรับจักรยานเหล่านี้ ระบบคาสเซ็ตโซ่มีความเหนียวแน่นน้อยกว่าและไวต่อการสึกหรอมากกว่า ดังนั้นทรัพยากรโซ่สำหรับจักรยาน 6 ดาวอยู่ที่ประมาณ 4, 5-6, 5 พันกิโลเมตร แต่ควรเปลี่ยนโซ่สำหรับคาสเซ็ตที่มีดาว 8-10 ดวงเกือบทุก 1-1, 5 กิโลเมตร
คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 1
หากต้องการดูว่าโซ่สึกหรอหรือไม่ ให้วางบนเฟืองตัวที่สาม (ใหญ่ที่สุด) จากนั้นพยายามดึงโซ่ด้วยปลายนิ้วของคุณออกจากเฟือง หากมองเห็นฟันสองซี่บนดาวจนหมด - โซ่ขาด, ฟันสามซี่ - โซ่ถูกฆ่า
ขั้นตอนที่ 2
สัญญาณที่บ่งบอกว่าคาสเซ็ตต์หรือโซ่เสื่อมสภาพมากเช่นกันคือเสียงร้องของโซ่ขณะขับรถ แม้จะหล่อลื่นแล้วก็ตาม หากโซ่ส่งเสียงดังกล่าวแม้จะไม่มีน้ำหนักบรรทุก ก็ถือว่าชำรุดมาก
ขั้นตอนที่ 3
และนี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการตรวจสอบการสึกหรอของโซ่ แม่นยำยิ่งขึ้น: ใช้ไม้บรรทัดและวัดระยะห่างระหว่างจุดศูนย์กลางของหมุดใดๆ กับจุดศูนย์กลางของหมุดที่ 24 หลังจากนั้น หากผลลัพธ์คือ 304.8-306.4 มม. แสดงว่าโซ่ใช้ได้ หากผลลัพธ์คือ 306, 4-307, 9 มม. โซ่จะสึกและควรเปลี่ยน เมื่อผลการวัดมากกว่า 307.9 มม. หมายความว่าโซ่และคาสเซ็ตต์หมด และอาจถึงกับทั้งระบบ
ขั้นตอนที่ 4
หากคุณ "ไขลาน" มากกว่า 3-4 พันกิโลเมตรต่อฤดูกาลต้องเปลี่ยนโซ่ เทปคาสเซ็ตมีทรัพยากรนานกว่าทรัพยากรของโซ่ 2-3 เท่า แต่ยิ่งโซ่ชำรุดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำลายคาสเซ็ตได้เร็วเท่านั้น หากคุณขับรถ 300-500 กม. ด้วยโซ่ที่สึกหรอ คุณจะต้องโยนมันทิ้งไปพร้อมกับเทปคาสเซ็ท
ขั้นตอนที่ 5
เพื่อเพิ่มทรัพยากรของโซ่และตลับ เราขอแนะนำให้คุณอย่ารอจนโซ่หมดและเริ่ม "กิน" ตลับ แต่ให้เปลี่ยนโซ่ก่อนเวลา จากนั้นเปลี่ยนโซ่ใหม่อีกครั้งแล้วเริ่มเป็นวงกลมตั้งแต่แรกเป็นต้น
ขั้นตอนที่ 6
ถอดและวางโซ่ไว้ข้างๆ หลังจากขับไป 500-600 กม. วางโซ่ใหม่ในระยะเดียวกัน แล้วที่สาม. หลังจากนั้นเลือกโซ่ที่สั้นที่สุดแล้วขี่ต่อไปอีก 500-600 กม. เป็นต้น หลังจากเปลี่ยนโซ่สามครั้งแล้ว ให้ทิ้งพร้อมกับตลับ